Attitude, Readiness and Needs towards Organic Dairy Farming of Chiang Mai Fresh Milk Group Members in Lamphun Province | ทัศนคติ ความพร้อม และความต้องการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ของสมาชิกกลุ่มเชียงใหม่เฟรชมิลค์จังหวัดลำพูน

英语. Currently, consumer demand for organic food in Thailand is rapidly increasing, including organic raw milk products. Meanwhile, Thailand was able to produce organic raw milk in relatively small amounts. Therefore, it was necessary to change the dairy farming style to meet organic livestock standards. Therefore, this research focuses on the study of basic personal, economic, social, psychological characteristics, needs, factors affecting needs, and problem and obstacles as well as suggestions for raising organic dairy farming of farmers. Data were collected by interview schedule and a set of questions from 146 out of 192 Chiang Mai fresh milk group members in Lamphun province by purposive sampling method. Specifically, 146 farms, 1 person each farm who signed the sale of fresh milk with Chiang Mai Fresh Milk Co., Ltd. consisting 91 from Mae Tha, 28 from Ban Thi, and 27 from Ban Hong raw milk purchase center. Obtained data were analyzed by descriptive and inferential statistics, and rationale content analysis. The results reveal that most of the farmers (87.00%) were male, with an average age of 47.26 years old, completed secondary school (34.20%), and married (86.50), while, they were engaged in agriculture as their main occupation (96.60%) and only 18.50% were general employment as their supplement occupation. They had average annual dairy income of 663,356.16 baht and 33,179.45 baht for the average annual non-dairy income. Farmers had average holding area for dairy farming of 3.06 rai. Besides, most of the farmers (82.20%) had never attended organic farming training. They were members of Chiang Mai fresh milk group, Lamphun province 9.25 years on average and they were most perceived information regarding organic dairy farming via online media (54.80%). As a whole, farmers' attitudes toward organic farming and readiness to raise organic dairy farming were both in moderate level (𝑥̅=3.25 and 𝑥̅=3.37). However, farmers' needs for organic dairy farming as a whole was at the high level (𝑥̅=3.82). Moreover, the study found 8 factors affecting farmers' needs for organic dairy farming as followed: gender, age, educational attainment, average annual non-dairy income, training on organic farming information perceiving on organic dairy farming via online media, attitude on organic farming, and readiness of organic dairy farming. The main problems of farmers were the treatment of dairy cows with antibiotics and chemical contamination of roughage. The reducing of organic livestock standards for the use of certain antibiotics on dairy cows and encourage farmers to grow roughage crops according to organic standards.

泰国. กระแสความต้องการบริโภคอาหารปลอดสารพิษของผู้บริโภคในประเทศไทยมีเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากน้ำนมดิบอินทรีย์ ในขณะที่ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำนมดิบอินทรีย์ได้ในปริมาณที่ค่อนข้างน้อย ดังนั้นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเลี้ยงโคนมให้ได้มาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์จึงเป็นเรื่องจำเป็น การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคล เศรษฐกิจ สังคม ลักษณะทางจิตวิทยา ความต้องการ ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการ และปัญหาอุปสรรคตลอดจนข้อเสนอแนะในการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ของเกษตรกร โดยเก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์และชุดคำถามจากสมาชิกกลุ่มเชียงใหม่เฟรชมิลค์จังหวัดลำพูนจำนวน 146 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบเจาะจงจากสมาชิกผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำนมดิบกับบริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด จำนวน 146 ฟาร์ม ๆ ละ 1 คน จากสมาชิกทั้งหมด 192 คน จากศูนย์รับน้ำนมดิบอำเภอแม่ทา 91 คน อำเภอบ้านธิ 28 คน และอำเภอบ้านโฮ่ง 27 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติเชิงอนุมาน และการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงเหตุผล ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 87.00) เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 47.26 ปี สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ร้อยละ 34.20) สมรสแล้ว (ร้อยละ 86.50) โดยเกษตรกรเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 96.60) ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก และรับจ้างทั่วไปเป็นอาชีพรอง (ร้อยละ 18.50) รายได้เฉลี่ยต่อปีจากการเลี้ยงโคนม 663,356.16 บาท และ 33,179.45 บาท สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อปีนอกเหนือจากการเลี้ยงโคนม มีพื้นที่ถือครองในการเลี้ยงโคนมเฉลี่ย 3.06 ไร่ เกษตรกรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 82.20) ไม่เคยเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์เป็นสมาชิกกลุ่มเชียงใหม่เฟรชมิลค์จังหวัดลำพูนเฉลี่ย 9.25 ปี และมีการรับรู้ข่าวสารด้านการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ผ่านสื่อออนไลน์มากที่สุด (ร้อยละ 54.80) เกษตรกรมีทัศนคติต่อการทำเกษตรอินทรีย์และมีความพร้อมในการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (𝑥̅=3.25 และ 𝑥̅=3.37) และเกษตรกรมีความต้องการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (𝑥̅=3.82) ในขณะที่พบ 8 ปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ของเกษตรกรได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้เฉลี่ยต่อปีนอกเหนือการเลี้ยงโคนม การเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ การรับรู้ข่าวสารด้านการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ผ่านระบบออนไลน์ ทัศนคติต่อการทำเกษตรอินทรีย์ และความพร้อมในการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ ปัญหาหลักของเกษตรกรคือ การรักษาโคนมด้วยยาปฏิชีวนะและการปนเปื้อนสารเคมีในอาหารหยาบ โดยเกษตรกรต้องการให้มีการลดหย่อนมาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์ด้านการใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิดกับโคนมและส่งเสริมการปลูกพืชอาหารหยาบให้ได้มาตรฐานอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร